ทุกสิ่งอันที่เรามิเคยเอื้อนเอ่ยต่อกัน (Toutes ces choses qu’on ne s’est pas dites) นับเป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งของมาร์ก เลอวี นักเขียนนิยายโรแมนติกชาวฝรั่งเศส ที่เคยสร้างความประทับใจให้กับนักอ่านทั่วโลกมาแล้วจากนิยายเรื่อง ปาฏิหาริย์รักต่างภพ และ ปาฏิหาริย์รักคืนใจ และ อธิชา มัณชุนากร กาบูล็อง เป็นผู้แปลนิยายเรื่องนี้เป็นภาษาไทย
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของแอนโทนี วัลช์ ที่ต้องการกลับมาแก้ไขความผิดพลาดในอดีตระหว่างเขากับจูเลีย ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา โดยแอนโทนีเลือกวันแต่งงานระหว่างจูเลียกับแอดัม (คู่หมั้นของเธอ) เป็นวันที่เขาก้าวกลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง การกลับมาของเขาได้สร้างความปั่นป่วนให้กับชีวิตของเธอไม่น้อย เพราะแทนที่เธอจะได้แต่งงานตามที่ตั้งใจ กลับต้องเปลี่ยนแผนเป็นไปร่วมงานศพของพ่อแทน หลังจากนั้นยังพบว่าเธอต้องต้องใช้ชีวิตอยู่กับหุ่นยนต์มนุษย์ที่รูปร่างหน้าตา วิธีคิด และการพูดจาเหมือนพ่อของเธอไม่ผิดเพี้ยน เพราะ แอนโทนียืนยันว่าที่เขากลับมาก็เพื่อที่ตามหาความรักและช่วงเวลาที่สูญหายไประหว่างเขากับเธอให้หวนคืนกลับมา ขณะเดียวกันเขายังมีตั้งใจที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดของตนที่พรากจูเลียจากทอมัส ชายที่เป็นรักแรกและรักแท้ไปจากเธอ
แม้ทั้งคู่จะมีเวลาอันจำกัดเพียง 6 วันที่จะอยู่ร่วมกัน แต่กลับก่อให้เกิดเรื่องราวอันน่าประทับใจเป็นจำนวนมาก เพราะในแต่ละวันที่ผ่านไปได้เปิดโอกาสให้พวกเขาทั้งคู่ได้พูดคุย เรียนรู้ ชดเชยและแก้ไขความผิดพลาดที่กระทำในครั้งอดีต จนทำให้จูเลียตระหนักว่าพ่อรักเธอมากเพียงใด ดังจะเห็นได้จากข้อความแสดงความรักที่เขาสามารถเปิดเผยให้เธอทราบในที่สุดว่า
“... จูเลียลูกรัก ลูกรู้จักอะไรเกี่ยวกับความรักบ้าง ... ลองคิดดูสิว่า ต้องรักมากมายขนาดไหนถึงจะได้เรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อลูกๆ เท่านั้น ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกๆ จะลืมช่วงปีแรกๆ ของชีวิต รู้ว่าปีต่อๆ มาจะทนทุกข์จากสิ่งที่เราไม่ได้ทำให้ดี รู้ว่าจะมีวันหนึ่งมาถึงอย่างไม่อาจต้านทานได้ วันที่ลูกๆ จะทิ้งเราไปพร้อมกับความภาคภูมิใจในอิสรภาพของตัวเอง” (หน้า 248-249)
และ
“... พ่ออยากจะเป็นเพื่อน เป็นคนรู้ใจ เป็นคนที่ลูกไว้ใจ แต่พ่อก็เป็นได้แค่พ่อของลูก ถึงอย่างนั้นพ่อก็จะเป็นพ่อตลอดไป นับตั้งแต่นี้ไม่ว่าพ่อไปไหน พ่อจะนำความทรงจำของความรักที่ไม่มีเงื่อนไขติดตัวไปกับพ่อด้วย ความรักที่พ่อมีให้ลูกไงล่ะ ... กระทั่งเวลาที่พ่อไม่อยู่ พ่อก็ไม่ได้ไปห่างไกลจากลูกอย่างที่ลูกคิด พ่อรักลูก แม้จะรักอย่างไม่ได้เรื่องได้ราวก็เถอะ พ่อมีสิ่งเดียวที่อยากจะขอลูก สัญญากับพ่อนะว่าลูกจะมีความสุข” (หน้า 292)
ยิ่งไปกว่านั้น แอนโทนีและจูเลียยังร่วมกันตามหาหัวใจรักที่หายไปของเธอกลับคืนด้วย เมื่อแอนโทนีเป็นผู้ที่พรากทอมัสชายหนุ่มนักข่าวชาวเยอรมันตะวันออกไปจากเธอ เพราะเขาเห็นว่าทอมัสไม่คู่ควรกับเธอ ต่อมาไม่นานจูเลียก็ต้องหัวใจสลายเมื่อทราบข่าวการตายของเขาขณะที่ไปทำข่าวสงครามที่คาบูล ซึ่งตราบจนกระทั่งบัดนี้ เธอก็ไม่อาจที่จะลืมความรักที่มีต่อทอมัสได้ แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม ด้วยเหตุนี้ แอนโทนีจึงต้องเป็นผู้พาทอมัสกลับมาคืนจูเลียอีกครั้ง โดยยอมเปิดเผยว่าความจริงว่าทอมัสยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเขาเองที่เป็นผู้เก็บงำความลับนี้พร้อมจดหมายฉบับสุดท้ายที่ทอมัสเขียนถึงเธอไว้ และเพิ่งมอบให้เธอเมื่อเวลาผ่านมานานถึง 18 ปี จนทำให้จูเลียตระหนักถึงความรักของทอมัสที่มีต่อเธอ ดังความที่ปรากฎในจดหมายว่า
“ผมรักคุณอย่างที่คุณเป็น และไม่เคยอยากให้คุณเป็นอย่างอื่น ผมรักคุณโดยที่ไม่ได้เข้าใจทุกเรื่อง และเชื่อว่าเวลาจะทำให้ผมเข้าใจ ... ถ้าเราได้กลับมาเจอกัน ผมสาบานว่าจะไม่พรากลูกสาวที่คุณจะมีให้ผมจากผู้ชายที่แกเลือกในวันหนึ่ง และถึงแม้ว่าจะแตกต่างกันขนาดไหน ผมจะเข้าใจคนที่ขโมยแกไป ผมจะเข้าใจลูกสาวของเรา เพราะว่าผมรักแม่ของแก ... คุณเป็นสิ่งงดงามที่สุดที่เกิดขึ้นกับผมในความทรงจำ ผมได้รู้ว่าผมรักคุณมากแค่ไหนตอนที่เขียนจดหมายฉบับนี้นี่เอง แล้วเจอกันนะ ถึงอาจจะไม่แน่นอน แต่อย่างไรคุณก็จะอยู่ที่นี่ และอยู่ตลอดไป ที่ไหนสักแห่ง ผมรู้ว่าคุณกำลังหายใจอยู่ แค่นั้นก็มากมายเหลือเกินแล้ว ผมรักคุณ ทอมัส (หน้า 149-150)
ด้วยความรักที่จูเลียและทอมัสมีให้แก่กัน และยังได้รับแรงกระตุ้นจากแอนโทนี จึงผลักให้เธอกล้าละทิ้งแอดัมและออกเดินทางเพื่อตามหาความรักและชายที่เธอรักกลับคืนมา นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวมิตรภาพของเพื่อนระหว่างจูเลียและสแตนลีย์ที่ก่อกำเนิดในวันที่โศกเศร้าที่สุด นั่นคือ วันที่จูเลียทราบข่าวการตายของทอมัส ขณะที่สแตนลีย์ก็สูญเสียเอ็ดเวิร์ดชายที่เขารักที่เพิ่งจะตายด้วยโรคเอดส์เช่นกัน ด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองคนผ่านช่างเวลาอันแสนระทมทุกข์นั้นมาได้ อีกทั้ง สแตนลี่ย์ยังทำให้จูเลียลืมทิฐิและกล้าที่จะออกเดินทางไปตามหาอดีตร่วมกับพ่อของเธออีกครั้ง ขณะเดียวกันเขายังทำให้จูเลียรู้ว่าคนที่เธอกและอยากจะแต่งงานด้วยจริงๆ คือ ทอมัสไม่ใช่แอดัม ดังที่สแตนลีย์เตือนสติจูเลียว่า
“สิ่งสำคัญน่ะนะ ที่รัก ไม่ใช่การที่รู้ว่าอีกคนหนึ่งอยู่ที่เมืองไหนหรืออยู่ที่มุมใดของโลก แต่ความรักที่ผูกพันเราไว้กับเขาต่างหากอยู่ที่ไหน ความผิดพลาดทั้งหลายในอดีตไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งสำคัญคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ต่างหาก” (หน้า 278)
หนังสือเล่มนี้จึงอบอวลไปด้วยเรื่องราวความรักในแง่มุมต่างๆ ทั้งความรักที่ปราศจากเงื่อนไขของพ่อที่มีต่อลูก มิตรภาพของเพื่อนรักที่พร้อมจะเข้าใจและสนับสนุนทุกการตัดสินใจของกันและกัน ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความรักแท้ของชายหญิงคู่หนึ่ง แม้เวลาที่ต้องแยกจากกันนานเกือบ 20 ปี ก็มิอาจลบเลือนความรักออกจากใจระหว่างเขาและเธอได้ เรื่องราวที่สร้างความประทับใจให้กับผู้อ่านเหล่านี้ ได้รับการเสริมให้มีเสน่ห์ด้วยความงดงามและละเมียดของภาษา มาร์ก เลอวี ทีบรรจงร้อยเรียงและถักทอขึ้นอย่างตั้งใจ และแง่งามของภาษาในเรื่องนี้ นับเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ร่วมกับตัวละคร จนก่อให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมในความรัก เต็มตื้นในความรู้สึก สะเทือนใจไปกับการพลัดพราก และหม่นเศร้าด้วยความสงสารและเห็นใจ ขณะเดียวกันข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านั้นยังเป็นบทเรียนให้กับผู้อ่านได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันด้วย
-------------------------------------------